ทัศนคติอย่างมืออาชีพ ประตูสู่เส้นทางศิลปินระดับสากล

ศิลปะเป็นเรื่องของจิตใจและความรู้สึก มีอารมณ์เมื่อไหร่จึงค่อยลงมือทำ สิ่งนี้ยังเป็นทัศนคติที่ฉุดรั้งให้คำว่า ศิลปิน ไม่ถูกเชื่อถือในแง่อาชีพของไทย

ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงศิลปิน สิ่งที่เป็นมายาคติหลอกหลอนในภาพจำของคนทั่วไป กลับเป็นลักษณะบุคคลที่พยายามแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูแปลกแยกแตกต่าง บุคลิกท่าทาง รวมทั้งแนวความคิดต้องสวนกระแสราวกับเป็นขนบนิยม ไร้ซึ่งภาพบุคคลที่กำลังลงมือลงแรงสร้างงานศิลปะอย่างแน่วแน่และตั้งใจ

“มันไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทุกอย่างมันต้องแลกด้วยความศรัทธาในการทำงาน ความจริงใจ และก็รักในสิ่งที่เราทำ คือผมก็ไม่ได้รับการยอมรับแบบปัจจุบันนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม การยอมรับ มันมีขั้นตอนของการพัฒนาของมันเหมือนกัน”

คำสัมภาษณ์ของนที อุตฤทธิ์ ที่ใช้ความเพียรพยายาม ฉีกขนบก้าวข้ามมายาคติความเป็นศิลปินแบบไทย จนสามารถพาตัวเองเข้ายึดอาชีพศิลปินได้ในระดับสากล สะท้อนความจริงที่ว่า งานทุกงานสามารถทำเป็นอาชีพได้ หากเราจริงจังกับมันมากพอ

“การทำงาน ทุกคนต้องมีวินัย ทำงานหนักและต้องพัฒนางานให้ดีขึ้นถ้าหวังจะยึดเป็นอาชีพ คำพูดที่ว่าไม่มีอารมณ์ทำงาน ไอ้อารมณ์ตรงนั้นคืออะไร ไม่มีอารมณ์ที่สอดคล้องกับสิ่งที่ทำ ไม่มีอารมณ์อยากเขียนในเชิงฟิสิกส์ หรือไม่มีแรงชักจูงในการทำงานให้เสร็จ ถ้าวิเคราะห์กันจริงๆ มันก็คือความขี้เกียจ" 

"งานของผมอาจจะไม่ได้ดีในสายตาของใครหลายคน แต่ความเข้าใจและทัศนคติที่ตรงกันต่างหาก เป็นสิ่งที่ทำให้เขาสนใจที่จะทำงานร่วมกัน”

และนี่คือตัวอย่างทัศนคติอย่างมืออาชีพ ที่อาจไม่ได้มุ่งเน้นคุณค่าของความงามเพียงเท่านั้น แต่เน้นไปที่ความต่อเนื่องในการสร้างสรรค์งานออกมาให้ได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่านั่นเอง      

นที อุตฤทธิ์

เข้าสู่วงการศิลปะระดับโลกตั้งแต่ปีค.ศ. 2007 หลังจากทำงานอย่างหนักมาตลอด 13 ปี ปัจจุบันเซ็นสัญญากับแกลเลอรีและดีลเลอร์ชั้นนำของโลก เช่น  ARNDT จากเยอรมนี Gallery Hyundai จากเกาหลีใต้ Richard Koh Fine Art จากสิงคโปร์และมาเลเซีย ฯลฯ  

ที่มา : ellementhailand.com